วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ความรักของอาตี๋ 4 ความหลังของนัท

..เช้าวันถัดมา... 

“อ้าว อาตี๋ วันนี้ตื่นแต่เช้าเชียวนะ นี่เพิ่ง6.43น.” อาม่ามองผมทึ่งๆ “ไม่ต้องให้ปลุกด้วย” 

“แหงล่ะอาม่า คนเราต้องเปลี่ยนแปลง(แปรง) ไม่งั้นเดี๋ยวฟันผุ ” ผมกวนอาม่าพลางกินข้าวต้มที่อาม่าทำทิ้งไว้ให้ และเช่นเคยพ่อแม่ออกไปก่อนผมตื่นซะอีก 

“กวนนะไอตี๋น้อย เดี๋ยวจะโดนกระทะฟาด” อาม่าผมล้างกระทะอยู่ อะไรใกล้ตัวก็พร้อมตีผมได้เสมอ ถ้าผมไปกวนท่านเข้า (ลองคิดดูเกิดตำครกอยู่ สากกระเบือไม่เข้าหน้าแตกเลยหรอ= =’) 

“อ่ะ ไม่ดีกว่าอาม่า แหะๆ” ผมบอกอาม่า 

ก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ที่ผมตื่นเนี่ยก็เพราะเชียร์โทรมาหาผมเมื่อเช้า คุยอะไรกันบ้างก็ลองย้อนไปดูละกันนะ 

เวลา6.00น.... 

ร่างผมยังคงนอนอยู่บนเตียงในสภาพหลับไหลอย่างทุกวัน แต่แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น 

‘อยากให้เธอฟัง อยากให้เธอรู้ คนไม่ดีก็มีหั...’เสียงเพลงของโทรศัพท์มือถือผมเอง ผมกดรับ 

“ฮัลโหล ใครอ่ะโทรมาแต่เช้าเลย ขอนอนต่ออีกนิดดิ คร่อกกกกก” ผมยังหลับตาครึ่งหลับครึ่งตื่นรับบอกกับปลายสาย พลางทำเสียงกวนๆแบบคนกรน 

“ข...ขอโทษค่ะ ไม่ได้ตั้งใจคิดว่าจะรบกวน” เอ๊ะเสียงใครหว่าคุ้นๆ เห้ยo_0 เสียงเชียร์นี่หว่า 

“อะ ครับๆ ไม่กวนครับๆ” ผมตาเบิกกว้างทันทีเมื่อนึกได้ “มีอะไรหรอ” 

“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะกิต พอดีกลัวกิตจะโดนทำโทษอีก ก็เลยโทรมาปลุกน่ะ” เธอบอกผม เสียงเธอหวานจังเลย 

“อ้อ ขอบคุณครับ แหะๆ แต่ว่าคุณเองก็ตื่นสายนี่นาเมื่อวาน เกือบโดนแน่ะ” ผมแหย่เธอบ้าง 

“ใช่สินะ....ขอโทษนะคะกิต เมื่อวานนี้ความจริงเราต้องโดน แต่กิตเลยโดนแทน” เธอขอโทษผม เสียงดูอ่อยลงทันที 

“ไม่หรอกเชียร์ เราไปสายเองนี่เชียร์ผิดอะไรล่ะ” 

“เปล่าหรอก ไม่ใช่แค่นั้น ความจริงอาจารย์วิทย์(จารย์แว่น)เค้าไม่ถูกกับเราน่ะ ก็เลยมีอะไรพลาดนิดหน่อยก็โดนทำโทษ แต่ก็อยู่ๆเธอก็มาถึง อาจจะเรียกโชคดีของเราก็ได้ที่กิตมาพอดีทำให้เราไม่โดน แต่กิตโดนแทนทำให้เรารู้สึกไม่ดีเหมือนกัน” เธอพูดเสียงอ่อยๆอีกแล้ว 

“อืม....คิดอะไรมากล่ะเชียร์ คิดซะว่าเราสองคนอาจจะเคยทำอะไรมาด้วยกันเมื่อชาติก่อน ชาตินี้เลยเจอกันอีกก็ได้เนอะ อิอิ” ผมพูดอย่างกับคนแก่เลย เฮ้อ~~ก็ทำไงได้คิดไม่ออกนี่นาจะทำอย่างไรให้เธอรู้สึกดี 

“ค่ะ” 

“งั้นกิตไปอาบน้ำนะ เดี๋ยวเจอกันครับ” ผมบอกเธอ 

“ค่ะ บายๆ” เธอบอกลา 

“เอ้ย เดี๋ยวๆๆ” ผมรีบบอกเธอก่อน 

“มีอะไรหรอคะ?” เธอคงงงๆ อยู่ๆมาเอ้ย 

“เชียร์จะออกกี่โมงหรอ” ผมถามเธอ 

“สัก7โมงจ้ะ” 

“งั้นไปด้วยกันไหม เดี๋ยวกิตไปหาที่บ้าน” 

“ป...ไปสิคะ” เธอพูดติดอ่างอีกละ ทำไมไม่รู้ 

“งั้นเดี๋ยวเจอกันที่บ้านเชียร์นะ บายครับ” ผมพูดพลางกดปิดโทรศัพท์มือถือ 

คราวนี้อาบน้ำโลดดดด หลายคนอาจจะคิดล่ะสิครับว่าทำไมผมถึงทำตัวเหมือนชอบเชียร์ ความจริงแล้วผมมีนิสัยชอบอ้อนผู้หญิงเป็นธรรมดา แต่ทำไมก็ไม่รู้มักจะไม่ได้ผลประจำ ฮ่าๆๆ แต่สำหรับเชียร์ก็แปลก ผมไม่เคยมีความรู้สึกอย่างนี้กับใคร เธอทำให้ผมรู้สึกสบายใจท่ามกลางความรู้สึกหว้าเหว่จากเรื่องเก่าๆที่ทำให้ผมต้องร้องไห้ ใช่แล้ว เรื่องของเจนที่ผมได้เล่าไป ส่วนความรู้สึกที่มีต่อปุยเมฆ ผมกลับรู้สึกชอบตั้งแต่แรกเจอเลยทีเดียว ก็ไม่รู้เพราะอะไรอีกนั่นแหละ เฮ้อ~~จะว่าไปแล้วคิดถึงปุยเมฆ รีบๆไปร.ร.ดีกว่า 

ณ ปัจจุบัน.... 

ผมเดินอยู่ที่หน้าบ้านเชียร์ กังวลใจเหลือเกินว่าจะกดกริ่งดีไหม แต่กดไปกลัวเชียร์โดนพ่อแม่ว่า เฮ้อ! โทรหาดีกว่า 

“ฮัลโหล เชียร์หรอครับ” 

“ค่ะ กิตหรอ” 

“อื้ม..ใช่ เรารออยู่หน้าบ้านแล้วนะ” 

“ค่ะ เดี๋ยวไปหานะ” 

ไม่นานเชียร์ก็ออกมา แล้วเราสองคนก็เดินไปด้วยกันที่หน้าแยก32 แล้วรอรถแท๊กซี่(สาธุรถอย่าติด เมื่อวานเพิ่งเสียไปสองร้อย เหอะๆ) 

“วันนี้คงไปทันเนอะ” ผมชวนเธอคุย 

“อื้ม....ใช่ หวังว่าไปทันนะคะ” เธอมองหารถไปเรื่อยพอผมชวนเธอคุย ดูเธอไม่สนใจที่ผมคุยเท่าไหร่ 

“กินข้าวเช้าหรือยังเชียร์” ผมถาม 

“ยังเลย กะว่าจะไปกินกับกิตอ่ะ กิตกินหรือยังคะ?” เธอหันมาเริ่มสนใจกับคำถามของผม 

“ยังเลย” อ่าวเห้ย ทำไมอยู่ๆปากพูดโกหกว่าตู 

“งั้นไปกินด้วยกันนะคะ” แล้วเธอก็หันไปหาแท๊กซี่อีกครั้งยิ้มหน้าบานเลย ก็ไม่รู้อะไรของเธอแฮะ- -‘ 

ไม่นานรถแท๊กซี่ก็ถูกเธอโบกมาจอดตรงหน้า ผมและเธอขึ้นเบาะหลัง แล้วแท๊กซี่ก็ขับไปส่งถึงร.ร.ในเวลาไม่นาน มาทันๆ แต่ระหว่างที่ผมมานี่ดิ นั่งหลับไม่รู้เรื่องเลย เธอเลยจ่ายค่าแท๊กซี่ทั้งหมดแล้วปลุกผม บอกว่าจะให้คืนก็ไม่ยอม เสียเชิงชายอีก-*- แล้วเราสองคนก็ไปทานอาหารกัน เธอคุยกับผมอย่างสนุกสนาน เธอบอกมื้อนี่ทำไมกินอะไรแล้วอร่อยๆไม่รู้ แต่ผมดิกินอะไรก็ไม่ลง จุก-*- 

หลังจากนั้นเธอกับผมเดินไปที่ห้องเรียนพร้อมกัน แต่ผมจะถึงห้องก่อนเพราะเป็นทางผ่านของห้องเธอ คราวนี้ผมไม่ไปส่งเธอถึงที่หรอกก็ไม่ได้เป็นอะไรกันนี่นา แล้วเธอก็เดินไปที่ห้องของเธอ ผมเดินเข้าไปที่ประตูห้องผม แล้วก็ไม่แปลกใจเลยที่จะเห็นภาพนี้ในห้องเรียนของตัวเอง 

“พี่นัทคะ หนูขอถ่ายรูปพี่ได้ไหมคะ!?” เสียงใสๆของเด็กม.ต้นมาถามไอนัทด้วยความหวังบางอย่าง 

“ตามใจสิครับ” ไอนัทบอก หลังจากนั้นน้องม.ต้นคนนั้นก็ถ่ายรูปไอนัทเดี่ยวๆหนึ่งรูปและรูปถ่ายคู่ระหว่างไอนัทกับน้องคนนี้อีกหนึ่งรูปด้วยกล้องโทรศัพท์ 
“ขอบคุณค่ะพี่นัท” แล้วน้องคนนั้นก็วิ่งเลยครับ หน้าแดงๆอายๆ แถมยังเอากระดาษขาวมายัดในมือไอนัทก่อนไปอีก 

ผมเอากระเป๋าไปวางที่โต๊ะ ดูเหมือนปุยเมฆจะหายไปไหนก็ไม่รู้คงไปทานข้าวมั้ง แล้วเดินไปที่โต๊ะไอนัท 

“ไอนัท คราวนี้เบอร์อะไรอีกวะ” ผมถามมันอย่างรู้ทัน 

“ก็เหมือนเดิมว่ะ มีเบอร์ มีบอกรัก มีรูปถ่ายแถมมาด้วยคราวนี้” มันบอกแบบชินชา คงเพราะมันชินจริงๆ 

“เห้ย วันหลังก็รับๆรักมั่งดิ” 

“ไม่ว่ะ ก็น่าจะรู้เรื่องกุนี่หว่า” มันหันมาหาผมใช้สายตาที่สื่อสารได้กว่าสิ่งที่มันพูดซะอีก 

“อืมๆ โทษทีเว้ย แต่กุแค่อยากจะบอกให้เมิงลืมๆเรื่องเก่าๆซะบ้าง เปิดใจบ้างสิวะ” ผมบอกมันพลางตบไหล่ แล้วเดินไปที่โต๊ะตัวเองแล้วนั่งลง ผมมักจะเข้าใจว่ามันอยากอยู่คนเดียวเวลาเรื่องเก่าๆของมันหวนขึ้นมา 

ไอนัทความจริงแล้วมันเป็นคนมีเสน่ห์มาก จัดอยู่ในระดับความหล่อเลยล่ะครับ เมื่อก่อนมีสาวๆติดตรึม มีแฟนยังไปมีกิ๊กอีก มันเคยเอาแม้กระทั่งบุหรี่ เหล้า หรือแม้แต่ยามาโรงเรียน จนกระทั่งเจอกับผู้หญิงคนนึงชื่อพร มันยอมเลิกทุกอย่างเพื่อเธอ ทั้งยา ทั้งเหล้า ทั้งบุหรี่ ทั้งกิ๊กกั๊กอะไรของมัน ตอนแรกๆมันไม่ได้ชอบพรเลยแม้แต่น้อย พรเป็นคนผิวค่อนข้างคล้ำ หน้าตาไม่ได้สวยอะไร แต่เธอเรียนเก่ง นิสัยดีเป็นที่รักของคนอื่นๆได้ง่ายๆด้วยนิสัยเธอ เธอเกิดมารู้จักกับไอนัทขึ้นมา แรกๆไอนัทก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรยังเป็นพวกหัวเลี้ยวหัวตออยู่ แต่ต่อมาเรื่อยๆตอนสักม.3ครับ เธอทำให้ไอนัทเปลี่ยนตัวเองได้ด้วยนิสัยเธอ เธอด่าว่าไอนัทแฝงด้วยความห่วงใยแม้เธอจะไม่ใช่แฟนมันและไม่ได้ชอบมันก็ตาม แต่นั่นกลับทำให้ไอนัทรู้สึกตัวขึ้นเรื่อยๆว่าตัวของมันทำอะไรอยู่ ไอนัทเคยบอกผมครับว่า “ไอกิต จะผิดไม๊วะถ้ากุจะรักพร เค้าทำให้กุได้รู้สึกตัวเอง แล้วเป็นคนเดียวที่ไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นที่เคยรู้จักมาเลยว่ะ” ใช่ครับ หลังจากนั้นไอนัทก็คบกับพร เป็นที่ฮือฮากันแทบทั้งร.ร.เกี่ยวกับเรื่องของไอนัท แต่แล้ว...เรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับไอนัทช่วงม.4ประมาณต้นๆเทอม พรถูกรถชนหน้าโรงเรียน คนชนขับรถหนีไปแต่ก็ถูกตำรวจจับได้ในภายหลัง วันนั้นผมก็อยู่กับไอนัท ภาพนั้นเต็มตาเลยครับ ไอนัทกำลังก้าวข้ามถนน แต่แล้วรถคันสีเงินแต่งรถมาอย่างดิบดี ก็พุ่งมาจากไหนก็ไม่รู้พุ่งเข้ามาโดยบีบแตรไล่ไอนัทให้รีบเดินแทนที่จะหยุด มันมองไปที่รถคันนั้น ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ แต่แล้วพรก็กระโดดเข้าไปดึงแขนไอนัทใช้แรงของตัวเองทั้งหมดเหวี่ยงให้ไอนัทไปอยู่ริมขอบฟุตบาท แต่เธอกลับถูกรถกระแทกเองจังๆ มีคนรีบวิ่งไปบอกอาจารย์ให้พวกผมเพื่อเรียกรถพยาบาลของโรงเรียนไปส่งและแจ้งตำรวจ แต่ภาพที่ผมจำได้และเป็นภาพที่น่าเศร้าที่สุดของไอนัท ภาพที่ไอนัทช้อนร่างพรขึ้นมาเล็กน้อยด้วยมือขวา พรยิ้มให้ไอนัทแต่พูดอะไรไม่ออกแม้เพียงสักคำ ไอนัทพยายามพูดให้พรลืมตาไว้ และบอกเธอว่าจะต้องไม่เป็นอะไร ไม่นานรถพยาบาลของโรงเรียนก็มา แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่ทันจะสามารถช่วยชีวิตของพรได้ทัน เธอนอนเสียชีวิตคามือของไอนัทโดยก่อนตาย เธอพยายามพูดอะไรบางอย่างเบาๆ “ฉันรักเธอ...” มันเป็นคำสามคำสุดท้ายที่พวกเราได้ยิน ไอนัทกอดร่างไร้วิญญาณของเธอด้วยน้ำตาไหลที่รินด้วยความเสียใจ มันโทษตัวเองตะโกนเสียงดังว่าเป็นความผิดมันที่ทำให้เธอตาย แล้วจนบัดนี้มันยังคงโทษตัวเองเสมอว่าเป็นความผิดขิงมัน นิสัยของมันก็เริ่มเปลี่ยนไป บางทีผมก็เห็นมันขี้เล่นเหมือนก่อนที่พรจะตายไป แต่บางครั้งมันก็เงียบขรึมจนดูเป็นคนชินชาไร้ความรู้สึกจนผมก็อดเป็นห่วงมันไม่ได้เลย 

เอาเถอะ ตอนนี้ผมปล่อยมันลำพังไปก่อนดีกว่า ปุยเมฆมาละ 

“หวัดดีจ้าปุยเมฆ” ผมทักเธอ 

“อื้ม หวัดดี” เธอตอบกลับ โชคดีที่เมื่อคืนผมเคลียร์เรื่องที่ทำให้เธองอนแล้วเมื่อวาน= =’ 

“กินข้าวมายัง” 

“กินแล้ว” เธอตอบห้วนๆ โกรธไรอีกป่ะเนี่ย 

“ทำไมไม่ชวนกิตเลยอ่า~~” ผมแกล้งถามเธอเสียงกวนๆ 

“ไม่เห็นจำเป็นนี่ นายก็มีคนกินด้วยแล้วนี่.” เธอนั่งหันหน้าไปทางขวาอย่างเชิดๆ เวงละไงเห็นผมกินข้าวกับเชียร์ 

“อ่ะๆ ขอโทษๆ ใช่เรากินแล้ว แต่ไปกินกับปุยเมฆอีกก็ได้ อย่างอนจิคนสวย” ผมแกล้งพูดแค่อยากให้เธอหายงอน เพราะหากเอาตามจริง ให้ผมยัดอะไรลงท้องอีกคงไม่ไหวแล้ว จุกมากๆ= =’ 

“ใครงอน ทำไมต้องงอนนายด้วย เสียงออดดังเข้าแถวแล้ว ปุยเมฆไปนะ” ดูเธอพูดสิครับ ท่าทางโกรธจริง- - อะไรอ่าผมกับเชียร์เป็นแค่เพื่อนนะ แล้วเสียงเพลงโรงเรียนก็ดังเรียกเข้าแถวอีก 

“ปูเป้ ไปกันเถอะจ้ะ” ปุยเมฆยิ้มให้ปูเป้แล้วเดินไปพร้อมกัน 

“อะไรวะเนี่ย” ผมพึมพำ 

เซ็งเลยครับ เธอดันมาเข้าใจผิดซะได้ แต่เห้ยo_0 ผมลองคิดอีกนัยนึง ถ้าเราสองคนคิดกันแค่เพื่อนแล้วเธอจะทำท่าโกรธผมไปทำไม เรื่องเมื่อวานก็เคลียร์แล้วไม่น่าใช่ หรือว่าเธอเริ่มเปิดใจให้ผมมั่งแล้ว โอ้วเย้!! ผมยิ้มร่าแล้วเดินไปเรียกไอนัทไปเข้าแถว ไอพอลก็มาพอดีมันวางกระเป๋าแล้วไปพร้อมกัน ส่วนไอจิลก็ไปกินโจ๊กกับมินที่หน้าอีกร.ร.หนึ่งเลยจะเข้ามาสายๆ 

ผมไอพอลไอนัทเดินๆกันไปที่สนามเทนนิสที่เดิม วันนี้ยังคงเข้าแถวที่นี่(ร.ร.ผมชั้นม.5จะเข้าแถวที่สนามนี้ทุกวันยกเว้นวันพฤหัสและวันที่มีกิจกรรมพิเศษ เพราะจะรวมทุกม.เข้าด้วยกัน) ผมนั่งอยู่ด้านหลังไอพอลเพราะนั่งเยื้องๆกับปุยเมฆ ผมลองหันหน้าไปให้เธอ แต่เธอส่งใบหน้าชินชากลับมา เออดี สงสัยโกรธไม่หาย แล้วเวลาก็ผ่านไปๆๆ จนเรียนคาบแรก 

คาบแรกจ้า~~ 

ผมน่ะแสนอึดอัดเมื่อตอนเรียนเลข อาจารย์ก็สอนขำฮาๆ แต่หน้าผมเครียดเพราะจะคุยอะไรกับปุยเมฆไม่ได้เลย= =’ ก็ดูเธอสิครับ จะพูดด้วยแต่ละคำทำชินชาไม่สนใจอะไร แต่บางทีตื้อจนเธอพูดออกมา ก็พูดว่า “เงียบได้หรือยัง รำคาญ นะ ไม่งั้นจะย้ายที่ด้วย” ผมเลยต้องทนนั่งอึดอัดตลอดเลยเนี่ย แล้วเวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ คาบพักทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิมเธอยังโกรธผมอยู่ จะเคลียร์ไงว้า~~ 

ติ๊ง ต๊อง ตอง ติ่ง ติ่ง ติง ติ้ง ต๊อง~~~ พักกลางวันแล้ว…. 

“ปุยเมฆ ไปกินข้าวกับเราไหม” เฮ้ในที่สุดก็มีโอกาสชวนหลังจากเมื่อวานโดนปูเป้แย่งไป 

“ไม่!..นายก็ไปกินกับคนนั้นสิ มาชวนอะไรเรา” เหอ เธอยังพูดประชดอยู่อีก 

“ไปกินกันปุยเมฆ” ปูเป้อีกแล้วครับ พาปุยเมฆไปกินข้าวอีกแล้วT^T อดเลย....แย่งจังนะ 

ผมเลยเดินเซ็งๆไปหน้าห้องแล้วดันไปเจอเชียร์พอดีอีก 

“กิต^^” เธอยิ้มให้ผม 

“อ้าว เชียร์มีอะไรอ่ะ?” ผมถามเธอ 

“ก็ไม่มีหรอก พอดีผ่านมา ก็เลยจะชวนไปกินข้าวนะค่ะ” ชะเอ้ย!? เธอมาชวนผมไปกินข้าวอ่ะ 

‘ปั้ก!!’ เสียงใครบางคนชนไหล่ผมจากด้านหลังอย่างแรงจนผมเซไปข้างหน้า เวนละไง ปุยเมฆยังไม่ไปกินข้าวนี่หว่า เธอเดินไปกับปูเป้และเพื่อนปูเป้ เธอคงโกรธผมมากขึ้นอีกแน่ ผมมองตามเธอไปหน้าเครียดเลยครับ 

“กิต!! เป็นอะไรหรือเปล่า” เชียร์ถาม 

“ม...ไม่เป็นไร” 

“งั้นเดี๋ยวไปกินข้าวกันนะคะ” เธอย้ำ 

“ก็ได้ๆ แต่พอดีเราจะไปกินกับเพื่อนเราด้วยนะ” ผมบอกเธอ ไม่กล้าปฏิเสธเสียน้ำใจ 

“ไอกิตใครวะ” ไอพอลมาถามผมพลางมองเชียร์ 

“อ่อ ไอพอล ไอนัทนี่เชียร์เพื่อนกุเอง” ผมบอกมันสองตัว แล้วก็บอกเชียร์บ้าง “เชียร์ นี่เพื่อนเรานะ เค้าจะมากินข้าวด้วย ไอนี่ก็พอล ส่วนนี่ก็นัท” 

“เออ ไอจิลกะมินล่ะ” ผมถามมันสองตัว 

“เห็นบอกจะไปโรงอาหารก่อนจองที่ให้ เดี๋ยวไปรับน้องฝ้ายก่อนแล้วกัน” ไอพอลตอบ 

แล้วพวกเราสี่คนก็เดินไปหาน้องฝ้ายที่ห้อง แต่ระหว่างนั้นก็เกิดอะไรอีกจนได้เน้อออ~~ 

‘ปึ้ก…โอ๊ย!’ เสียงใครบางคนชนกับไปนัทเข้าอย่างจัง จนไอนัทกับเธอร้องโอยพร้อมกัน(คนชนเป็นผู้หญิง) 

“ข...ขอโทษค่ะ พอดีรีบเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” เธอมองดูไอนัทก่อนที่จะเก็บของตรงพื้นที่ตก 

“ไม่เป็นไรครับ” ไอนัทช่วยเธอเก็บด้วย 

“ค่ะ งั้นขอตัวนะคะ” แล้วเธอก็วิ่งต่อไป 

“ใครวะ หน้าตาใช้ได้เลยนี่หว่า!?” ไอพอลเริ่มหน้าม่ออีกละ เดี๋ยวเรียกน้องฝ้ายมาซะเลย 

“ไม่รุดิ” ผมตอบมัน 

“กุก็ไม่รู้ แต่ผู้หญิงอะไรชนกุเจ็บชะมัด” ไอนัทบ่น 

“อ๋อ เชียร์รู้จ้ะ” เชียร์เริ่มพูดบ้าง 

“นี่คือเฟลย์ ชื่อจริงรู้สึกชื่อมินทรานะ เป็นเด็กใหม่ตอนม.4 ห้องอยู่ข้างๆห้องเชียร์เองค่ะ” เชียร์ตอบอย่างรู้ดีเลยทีเดียว 

“หรอ อืม....” ผมก็คิดพิจรณาไปด้วย ก็เธอคนนี้ที่ชื่อเฟลย์หน้ารักไม่หยอกเลยนี่นา พอๆกับเชียร์เลย ผิวขาว หน้าใสๆ แก้มแดงนิดๆ แต่ออกจะเตี้ยสักหน่อยแฮะ 

“กิต...กิตคะ!” เชียร์เรียกชื่อผม สงสัยรู้อีกว่าผมเหม่อไปนาน(ผู้หญิงนี่ความรู้สึกไวเนาะ) 

“ห...หืม” 

“กิตเป็นอะไรหรือเปล่า” เธอถามผม หน้าแสดงความห่วงใย 

“เปล่าหรอก ขอบใจนะที่ห่วง” ผมบอกเธอ รู้สึกดีเหมือนหันที่มีคนห่วงผม เพราะปกติไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนสักคนในโรงเรียนมาห่วงใยผมนักหรอกนะ เหอะๆ 

“ใครว่าเชียร์ห่วงเมิ้งงงง~~~ เค้าห่วงกุต่างหากจริงไหมครับเชียร์” ดูมันพูด แหม~~กวนส้นผมได้ใจมาก 

“เห้ย เมิงอย่ามั่วๆ เค้าไม่ได้ห่วงเมิง” เสียงของไอนัทพูดบ้าง 

“เค้าห่วงกุต่างหาก จริงไหมจ้ะเชียร์” เอ้าดูมัน กวนอีกคน พูดเสร็จทำท่าจะกอดเชียร์อีก เหอๆ แต่ก็ดีอย่างน้อยก็ได้รู้ว่ามันเริ่มหายเครียดแล้ว 

“เชียร์มานี่ๆ อย่าไปกับมันสองตัว เดี๋ยวติดเชื้อบ้า” ผมดึงแขนเชียร์ออกมาใกล้ๆให้ห่างๆมันหน่อยแล้วเดินไปที่ห้องของน้องฝ้าย 

เฮ้อ~~ ไอตึก2กับ3ก็ไม่ได้ไกลกันเท่าไหร่นะ แต่ทำไมมันนานจังหว่า- -.... 

พอถึงห้องน้องฝ้าย ผมก็แนะนำน้องฝ้ายกับเชียร์ให้รู้จักกัน ผมรู้สึกว่าเชียร์เป็นคนอัธยาศัยดีมาก เพราะพอคุยกับน้องฝ้ายแป๊บเดียว รู้จักกันแป๊บเดียว ทั้งคู่ก็คุยกันอย่างกับรู้จักกันมามากกว่าสามปี อ่ะโห~~ ผู้หญิงเข้าใจคนอื่นง่าย แต่คนอื่นเข้าใจผู้หญิงยากแฮะ เหอะๆ ทั้งสองคนเดินนำพวกผมสามคนไปเลย ดีนะชวนผมไปกินข้าวแต่มาทิ้งกันเลย เชียร์นะเชียร์- - 

ผมเดินไปแลกชิพแล้วไปที่ร้านข้าวราดแกงแถวๆโต๊ะด้านในสุด 

“ป้าครับ เอาอันนี้” ผมชี้ไปที่ไข่เจียว ป้าก็ตักให้ 

“เอาอะไรอีกจ้ะ” ป้าถาม 

“อันนี้ด้วย” คราวนี้เอาไก่ทอด 

“นี่ด้วยครับ” ผมบอกต่อ พร้อมชี้ไปที่แกงเขียวหวาน 

“20บาทจ้ะ” ป้าบอกยื่นจานข้าวมาให้ผม 

“อ่อ เปลี่ยนใจไม่เอาละป้า!” ผมแกล้งเดินออกจากแถว 

“อ้าว พ่อหนุ่ม กวนป้าละไงเดี๋ยวปังตอสับหัว” ป้าเริ่มอารมณ์เสีย 

“โหป้า ใจเย็นๆ ผมล้อเล่น แหมคิดมากๆ ไม่สิเรียกพี่ดีกว่า อายุห่างจากผม5ปีเองนี่ ช่ายม้า~~” ผมกลับเข้าไปที่ร้านแล้วยื่นชิพแลก ผมเอ่ยชมป้าไปด้วยถึงแม้ป้าเค้าจะหงอกแทบทั้งหัวก็เถอะ แต่ทำไงได้เดี๋ยวป้าเค้าไม่หายเดือด เหอะๆ (รู้ไหมครับ หลังจากนั้นป้าเค้าอารมณ์ดียิ้มไม่หุบ แถมเอาจานผมไปใส่ไก่ทอดเพิ่มให้อีก) 
“วันหลังมาอุดหนุนพี่อีกนะน้อง เดี๋ยวพี่ให้พิเศษเลย” นั่นไง บ้ายอนี่เอง ดีเหมือนกันวันหลังจะได้เยอะๆอีก ฮ่าๆๆๆ 

ผมเดินไปที่โต๊ะที่ไอจิลกับมินกำลังกินข้าวจีบกันอยู่สองคน แทบเลี่ยนครับขอบอก ดูมันจีบกันดิ 

“มินจ๋า วันหลังอย่ามากินข้าวกับเรานะ” ไอจิลบอก 

“ทำไมล่ะ!?” มินงงๆ 

“ก็เดี๋ยวจิลเป็นเบาหวาน เพราะมินออกจะหน้าหวานขนาดเนี้ย” ดูมันพูดยิ้มให้มินซะ.... 

“บ้า!?” มินก้มหน้ากินต่อแบบเขินๆ 

“แล้วมินว่าวันนี้ท้องฟ้าสดใสไหม?” ไอจิลเริ่มถามอีก 

“สดใสจ้ะ ท้องฟ้าสีฟ้าใสเลย” 

“เราว่าไม่เห็นจะสวยเหมือนทุกวันเลย” ไอจิลเริ่มทำหน้าแหยงๆ 

“ทำไมล่ะ” มินงงอีกละ- -‘ 

“ก็วันนี้ท้องฟ้ามันเป็นสีชมพู” ไอจิลทำหน้าเครียด 

“สีชมพูตรงไหนหรอ?” มินงงต่อ 

“ก็เพราะความรักของมิน ทำให้เรามองทุกอย่างเป็นสีชมพู” มันพูดเสร็จยิ้มให้มินอีกครั้ง หวานเยิ้มจริงจริ้ง~~ 

“บ้า อย่าเล่นอีกนะ” มินหน้าแดง น่ารักก็จริงแต่เลี่ยนๆไงก็ไม่รู้- - 

“เออ เมิงเห็นเป็นสีชมพู เดี๋ยวกุทำให้เมิงเห็นดาวเองดีมะ” ผมบอกมัน 

“ดาวอะไรวะ? ดาวโรงเรียนหรอ” มันรีบมองหาพี่บัวม.6ทันที (พี่บัวน่ารักโคตร เป็นดาวโรงเรียนแถมเป็น 
ดารานางแบบด้วย) 

“เปล่า ดาวบนหัวเมิงนี่ไง” ป๊าบ! ผมตบหัวมันไปหนึ่งที 

“ไอบ้า!! เจ็บอ่ะมิน ฮืออ~~ ช่วยเค้าด้วย” ดูมัเค้าไปขอมินโอ๋ทันที ไม่ใช่เกลียดมันนะ แต่อิจฉาT^T 

แล้วผมก็นั่งลงที่โต๊ะ ไอพอล เชียร์ น้องฝ้าย ไอนัทก็เดินตามกันมาถึงตามลำดับ ผมแนะนำมินกับเชียร์ให้รู้จักกันแล้วนึกขึ้นได้น้ำยังไม่ได้ซื้อเลย เลยจะเดินไปซื้อ 

“เชียร์เอาน้ำอะไรไหม? เดี๋ยวเราไปซื้อให้”ผมถามเธอ 

“เอาน้ำเปล่าค่ะ” เชียร์บอกผม ทำท่าจะให้ตัง 

“โหย แล้วเพื่อนเมิงอ่ะ ไม่ซื้อให้เลยหรอว้า~~” ไอพอลทำท่าถาม 

“มีขาก็ซื้อเองดิวะ”ผมตอบมัน จ๋อยเลย ฮ่าๆๆ 

“เออ จำไว้นะ” มันค้อนครับมันค้อน 

“กิต งั้นเดี๋ยวเชียร์ไปซื้อกับกิตดีกว่านะคะ” เชียร์บอกผม แล้วถามพวกไอพอล “ใครเอาน้ำอะไรบ้างคะ” 

“เอาน้ำมะนาวปั่น ส่วนน้องฝ้ายเอาน้ำส้ม”ไอพอลบอกแบบไม่เกรงใจเลย-*- 

“เอาน้ำเปล่าครับ” ไอนัทพูดซะเพราะเชียว 

“แล้วมินกับจิล เอาน้ำไรเปล่า” ผมถามมัน เห็นน้ำกำลังจะหมดแล้วทั้งคู่ 

“ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวกุกินน้ำใจจากมินก็พอละ” โห...ดูไอจิลมันพูดเลี่ยนๆอีกละ ไปซื้อดีกว่าทนไม่ไหว- - 

ผมกับเชียร์เดินไปร้านขายน้ำพร้อมกัน ผมไปซื้อน้ำเปล่ากับน้ำส้ม ส่วนมินไปซื้อน้ำปั่น(คือว่าน้ำปั่นกับน้ำเปล่ามันแยกกันครับ แต่ว่าอยู่ร้านใกล้กัน) ผมค่อยๆหยิบน้ำเปล่ากับน้ำส้มไว้ที่มือ แต่ว่าดันทำชิพตกอีก เฮ้อ~~ ผมก้มลงหยิบชิบ แต่แล้วมือใครก็ไม่รู้มาหยิบชิพไปก่อน ผมก็เลยไปโดนมือนั้นโดยบังเอิญ(ตอกแรกก็นึกว่าใครจะขโมย-*-) บรรยากาศก็ช่างเป็นใจ ผมมองเจ้าของมือที่แสนจะนุ่มนิ่มขึ้น มือของเชียร์นี่เอง ผมกับเธอก้มอยู่อย่างนั้นสบตากันอย่างกับในหนัง(เรื่องบังเอิญมักเกิดขึ้นได้ อิอิ) พอรู้สึกตัวอีกทีผมก็รีบเอามือออกจากเธอ 

“ขอโทษนะเชียร์” ผมบอกเธอ 

“ม...ไม่เป็นไรจ้ะ” หน้าเธอแดงระเรื่อ 

“นี่จ้ะ ชิพ” เธอยื่นชิพมาให้ผม 

“ข...ขอบใจนะ” กลายเป็นผมไปอีกคนที่พูดติดอ่างบ้างซะแล้ว ผมรู้สึกหน้าจะเริ่มแดงหมือนกัน ตอนนี้มองเชียร์เธอน่ารักมากๆเลย 

แต่ผมเองก็หารู้ไม่ว่า มีใครบางคนส่งสายตาคู่หนึ่งมาทางผมและเชียร์อยู่ ผมและเชียร์จะเป็นอย่างไรต่อไป น่าล่าที่แอบมองคนนั้นจะสามารถฆ่าผมและเชียร์ได้ไม๊ โปรดติดตามตอนต่อไปครับ....เอ้ย!!! ไม่ใช่หนังผี ลืมไปโทษที อิอิ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นิยายวาย ชายรักชาย สุดฟิน อ่านแล้วติดใจวางไม่ลง

1. My Husband : ผู้ชายคนนี้สามีผม   นวนิยายแนวแก้แค้น ฉุด ลาก กระชาก จับกด ปล้ำ สุดท้ายก็รักกัน ฟินมากเรื่องนี้ 2. My Police My...